“โซสท์
(SOEST)”
มนต์เสน่ห์แห่ง “ดอยช์แลนด์ (DEUTSCHLAND)”
ถ้าพูดถึงดินแดนที่มีชื่อว่า
“ดอยช์แลนด์
(Deutschland)” เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักว่าคือที่ไหนบนโลกใบนี้
แต่ถ้าพูดใหม่ว่าดินแดนนั้นคือ
“ประเทศเยอรมนี” ก็คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักที่นี่
“สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
(Federal Republic of Germany)” มีชื่อที่เป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นว่า
“ดอยช์แลนด์
(Deutschland)” เป็นดินแดนหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรป
มีพรมแดนติดต่อกับหลายประเทศ
เช่น
โปแลนด์
สาธารณรัฐเช็ก
ออสเตรีย
สวิตเซอร์แลนด์
ฝรั่งเศส
ลักเซมเบิร์ก
เบลเยี่ยม
และเนเธอร์แลนด์
และเป็นดินแดนแห่งหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน
มีความเจริญในทุก
ๆ
ด้านเป็นอันดับต้น
ๆ
ของโลก
แต่ยังคงมีเมืองเล็ก
ๆ
เมืองหนึ่งซึ่งยังคงสภาพบ้านเมืองและวิถีชีวิตแบบชนบทเอาไว้
นั่นคือเมืองที่มีชื่อว่า
“โซสท์
(Soest)” และผู้คนบนโลกก็มักจะสับสนเพราะยังมีเมืองชี่อเดียวกันอยู่อีกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
เมือง
“โซสท์
(Soest)” แห่งนี้เป็นเมืองเล็ก
ๆ
ในแคว้นทางตอนเหนือของเยอรมนี
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม
และบางส่วนถูกเปลี่ยนเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
ลักษณะทั่วไปของเมืองนี้คือ
มีกำแพงเมืองโบราณและป้อมปราการล้อมรอบตรงใจกลางเมือง
หรือเป็นเมืองที่มีลักษณะเป็นเมืองสองชั้น
ลักษณะสิ่งก่อสร้าง
อาคารบ้านเรือนต่าง
ๆ
ยังคงเป็นรูปแบบเมืองเก่า
ตึกสำนักงานและอาคารสูงตามแบบสมัยใหม่จึงยังคงไม่มีให้เห็นในเมืองนี้
และหากท่านใดต้องการเที่ยวจับจ่ายซื้อสินค้าแฟชั่น
หรือเดินห้างสรรพสินค้า
ที่นี่จึงไม่ใช่ตัวเลือกของท่านอย่างแน่นอน
วันหยุดสุดสัปดาห์กับการเดินเล่นชิว ๆ ใจกลางเมือง |
ตลาดใจกลางเมืองกับผู้คนที่มาเดินซื้อของในวันหยุด |
เช้าวันหยุดมักจะมีผู้คนออกมานั่งกันที่ใจกลางเมือง |
ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะเป็นเมืองชนบทที่อยู่ห่างไกลแต่การเดินทางมายังที่นี่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องลำบากมากนัก
เพราะประเทศเยอรมนีจัดได้ว่ามีระบบคมนาคมขนส่งที่เชื่อมต่อถึงกันทั่วประเทศ
ผู้ที่เดินทางมายังโซสท์
(Soest)
ส่วนใหญ่จะเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อจากสนามบินนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต
(Frankfurt
am Main) มายังสถานีรถไฟโซสท์ (Bahnhof-Soest)
โดยใช้เวลาราว
2
ชั่วโมงหากเดินทางด้วยรถไฟขบวนเที่ยวเดียว
และอาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นหากซื้อตั๋วรถไฟประเภทที่มีการเปลี่ยนสถานี
Bahnhof Soest หรือสถานีรถไฟ Soest ที่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้จากสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต |
ขอลงรูปตัวเองนิดนึงครับ |
วิถีชีวิตของผู้คนในเมืองนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย
ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่เดินทางโดยใช้รถประจำทางและจักรยานเป็นหลัก
ที่นี่มีประชากรราว
50,000
คน
และมีชุมชนคนไทยที่อาศัยอยู่อีกด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่มาศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาที่มหาวิทยาลัยประจำเมืองนี้
เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก
การจัดการในเรื่องต่าง
ๆ
เช่น
การหาที่อยู่อาศัย
การขอวีซ่า
ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก
จึงมีคนไทยไม่น้อยที่มาศึกษาต่อและมาพักอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้
มีการพบปะสังสรรกันเป็นประจำและให้การต้อนรับคนไทยที่มาเยือนตลอด
โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการจัดกิจกรรมต่าง
ๆ
อยู่ในส่วนใจกลางเมือง และที่ขาดไม่ได้คือการดื่มเบียร์เยอรมัน
ซึ่งหากใครได้ไปเยือนดินแดนที่มีฉายาว่า
“เมืองเบียร์” ก็พลาดไม่ได้ที่จะไปลิ้มลองรสชาติว่าแตกต่างจากบ้านเราหรือไม่
วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ที่มักจะออกมานั่งตากแดดอุ่น ๆ พร้อมจิบกาแฟ |
อากาศวันนี้เริ่มที่จะอุ่นขึ้นมาบ้างครับ หลังจากที่หนาวมาหลายวัน |
การดื่มเบียร์ถือเป็นความนิยมอย่างหนึ่งของชาวเมืองโซสท์ เนื่องด้วยราคาที่ไม่แพงและมีหลายแบบหลายยี่ห้อให้เลือก
แต่ในประเทศเยอรมนีอนุญาติให้เฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า
16
ปีขึ้นไปดื่มเบียร์หรือไวน์ได้
และหากเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่น
เช่น
เหล้าหรือวิสกี้
ผู้ดิ่มจะต้องมีอายุมากกว่า
18
ปีขึ้นไปเท่านั้น
วัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของผู้คนที่นี่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นั่นคือการชนแก้วกันเพื่อเฉลิมฉลองนั้น จะต้องสบตาฝ่ายตรงข้ามทุกครั้ง
มิฉะนั้นจะถือเป็นการเสียมารยาทในการดื่ม
Krombacher ยี่ห้อยอดนิยมที่หาซื้อได้ในราคาถูกกว่านํ้าเปล่า !!! |
อันนี้จำยี่ห้อไม่ได้ครับ รู้แต่เป็นเบียร์ Alcohol Free หรือ เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ |
เบียร์เทศกาล |
แก้วนี้ หนักจริง !! |
นอกจากความนิยมในการดื่มเบียร์แล้ว
อาหารที่ชาวเมืองโซสท์
(Soest)
นิยมรับประทานส่วนใหญ่
เป็นอาหารจำพวกขนมปังและเนื้อสัตว์
เช่น
ไส้กรอกเยอรมัน
เคบัฟ
และพิซซ่า
โดยจะรับประทานพร้อมกับซอสผงกะหรี่และมันบด
การปรุงอาหารส่วนใหญ่ของผู้คนยังคงนิยมใช้เตาถ่านแทนการใช้เตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้า
เพื่อให้อาหารมีความหอมและมีรสชาติที่อร่อยตามแบบฉบับดั้งเดิม
ซึ่งจะพบเห็นเตาอบที่ใช้ถ่านได้ตามบ้านและร้านอาหารแทบทุกที่
การหาซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารส่วนใหญ่จะหาได้จากร้านสะดวกซื้อทั่วไป
และอีกสิ่งที่จะพบได้ตามร้านสะดวกซื้อที่แตกต่างจากเมืองไทยคือ
ทุก
ๆ
ร้านจะมีตู้รับซื้อขวดเปล่าที่ทิ้งแล้ว
โดยสามารถนำขวดน้ำพลาสติก
ขวดเบียร์
ขวดแก้วต่าง
ๆ
มาหยอดลงที่ตู้
จากนั้นเครื่องจะคำนวณประเภทและน้ำหนักเป็นมูลค่าเงิน
และจะพิมพ์คูปองส่วนลดเพื่อนำไปใช้ในการซื้อสินค้าของร้านนั้น
ๆ
ต่อไป
ด้วยสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี
จึงมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่และสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง
ๆ
เป็นอย่างมาก
อาคารบ้านเรือนรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในเมืองนี้จะถูกสร้างจากอิฐที่มีลักษณะค่อนข้างทึบ
มีห้องใต้ดินและห้องใต้หลังคา
บ้านเรือนแทบทุกหลังจะนิยมสร้างสวนหย่อมขนาดเล็กที่บริเวณหน้าบ้านเพื่อทำกิจกรรมครอบครัวในช่วงฤดูร้อน
นั่นคือช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมโดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง
18
- 20 องศา และในช่วงที่อากาศอุ่นมีแสงแดดมักจะมีผู้คนมานั่งพักผ่อนดื่มกาแฟกันที่บริเวณโบสถ์ใจกลางเมือง
รวมถึงสวนสาธารณะต่าง
ๆ
ทั่วเมือง
เนื่องจากเมืองโซสท์
(Soest)
เป็นเมืองชนบททางตอนเหนือ
ดังนั้นผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
ซึ่งอาจเป็นเรื่องลำบากสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องมาที่นี่
เพราะนอกจากชาวเมืองจะไม่นิยมพูดภาษาอังกฤษแล้ว
ทุกอย่างในเมือง
เช่น
ป้ายจราจร
ป้ายประกาศตามสถานที่ต่าง
ๆ
รายการอาหาร
จะเป็นภาษาเยอรมันแทบทั้งสิ้น
มีเพียงแผนที่สำหรับนักท่องเที่ยวเพียงใบเดียวที่พิมพ์ด้วยภาษาอังกฤษ
อย่างไรก็ตามผู้คนที่นี่ก็พยายามจะสื่อสารกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และก็พยายามสอนคำพูดบางคำที่เป็นภาษาเยอรมันให้กับชาวเอเชียอย่างเรา
ดังนั้นการได้ไปเยือนดินแดนห่างไกลที่ยังคงมีวิถีชีวิต
สิ่งปลูกสร้าง
สังคมและวัฒนธรรม
ตลอดจนสภาพแวดล้อมต่าง
ๆ
ที่ยังคงความเป็นยุโรปในแบบเก่า
ท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าของสังคมเมืองอื่น
ๆ
ที่เต็มไปด้วยตึกขนาดใหญ่
และความเจริญในแบบสังคมเมืองสมัยใหม่
ก็นับว่าไม่ง่ายนักที่จะมีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านี้
อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับ
การดูแลที่อบอุ่นจากชาวไทยที่อาศัยอยู่ในต่างแดน
เรียกได้ว่าเป็นความทรงจำที่ดี
และพลาดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายเก็บเอาไว้เพื่อบันทึกความทรงจำไว้ตลอดไป
Casino Royal !!! |